วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2561

ไม่ศรัทธาพระสงฆ์ แถมแอบด่าจะบาปไหม???




เรื่องเล่าเข้าใจธรรม
ด่าพระบาปไหม ตอนที่1

 ภาพด่าพระจะบาปไหม ลิขสิทธิ์ผู้เขียน EL LAPIZ
วันนี้เรามีเรื่องที่น่าสนใจเรียกว่าเกี่ยวกับพระสงฆ์โดยตรง เราก็เห็นอยู่แล้วว่าในกระแสของ Social หรือว่าหน้าข่าวต่าง ๆ พระนี้ก็เป็นเหมือนจุดขาย ขึ้นหน้าหนึ่งขึ้นหน้าข่าวแล้วรู้สึกว่าจะได้รับความสนใจมากพอสมควรเลย

เมื่อหลวงพี่เป็นพระภิกษุ เวลาไปตามที่ชุมชนต่าง ๆ รู้สึกว่ามีคนคอยจับตามอง คอยสังเกต บ้างไหม?

เราก็ใช้ชีวิตของเราปกติ ข่าวก็เป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่พระ ซึ่งคนเขากราบไหว้ ก็คงต้องมีอะไรที่มันเหนือกว่าหรือพิเศษกว่าหน่อยที่จะทำให้เขารู้สึกอย่างนั้นได้ เราเองเราออกไปไหนก็วางตัวให้ให้ดูดีให้เหมาะสม ก็ไม่มีปัญหาอะไรคนส่วนใหญ่เข้าใจดี

คำถามจากกระทู้ ตั้งหัวข้อมาได้ชัดเจนเลยว่าไม่ศรัทธาพระสงฆ์วงเล็บแถมแอบด่าจะบาปไหม?
อันนี้อยู่ในห้องศาสนา ติดแท็กศาสนาพุทธเป็นกระทู้คำถาม เขาได้เล่าถึงตัวเขาแหละว่าผมไม่ศรัทธาในตัวพระสงฆ์ใด ๆ เลยแม้แต่เกจิ ที่ทำตัวเป็นเทวดาให้แต่สิ่งงมงายแถมเล่นตัวให้คนเข้าหากราบไหว้ยาก รวมไปถึงพระตามวัดต่าง ๆที่ไม่ได้ทำตัวให้น่าเลื่อมใสน่ากราบไหว้เลย แต่ผมศรัทธาในคำสอนธรรมะของพระพุทธเจ้ามากและยึดถือนำมาใช้ในการปฏิบัติในชีวิตตั้งมั่นมีสติ ใช้ชีวิตไม่ประมาท รู้ถึงซึ่งทุกข์และแนวทางการไม่ให้มีทุกข์ คิดถึงเหตุผลต่าง ๆ จะทำอะไรหรือพูดอะไรออกไปเพราะมีเหตุสิ่งนั้นจึงเกิด

คำถามจากกระทู้ ผมเคยบวชมาก็รู้เลยว่าวัดไม่ใช่ที่มาบวชแล้วจะได้บุญแถมสะสมบาปอีกต่างหาก  
พระบวชพรรษามากก็มัวแต่แย่งจะออกงาน เล่นเกม ดูทีวี นอนแทงบอล

คำถามจากกระทู้ เหมือนกับกิจวัตรจะเป็นเรื่องเหล่านี้นอนเล่นเกมดูทีวีนอนแทงบอลรอเวลาเข้าสวดมนต์ทำวัตรอย่างเดียว แล้วว่าสมัยนี้เข้าไปก็มีแต่ให้ทำบุญโดยใช้เงินพระให้พรก็เป็นขอให้ร่ำรวยถูกหวย แทนที่จะให้มีสติให้ใช้ชีวิตไม่ประมาทให้มีศีลให้มีปัญญาในการแก้ปัญหาและอุปสรรคอะไรประมาณนี้ยังดูน่าเลื่อมใสกว่า การที่ผมไม่ศรัทธาพระสงฆ์หรือคนห่มเหลือง อาชีพพระ ผมจะบาปไหม ในเมื่อภาพรวมพระตอนนี้เป็นแบบนี้ ไปหมด


ภาพบวชพระในโบสถ์วัดพระธรรมกาย


คำตอบ ก็น่าเห็นใจนะดูแล้วก็คงแจ็คพอตพอดีกับการที่ชีวิตของของเขาก็ไปเจอจุดที่บกพร่องแล้วก็เลยทำให้เข้าใจไปในทิศทางแบบนั้น คือในมุมหลวงพี่เวลา เวลามองอะไร หลวงพี่ชอบที่จะแยกแยะมันออกจากกัน ก็หมายความว่า เราไม่จำเป็นจะต้องเหมารวมอะไรทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปเป็นเป็นสิ่งเดียวกัน ยกตัวอย่าง ในกรณีอย่างนี้  ถ้าเริ่มต้นด้วยความไม่ได้ศรัทธาพระสงฆ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เช่น ยกคำว่าพระเกจิขึ้นมา คำว่าเกจิ ก็คงจะหลากหลายความหมาย ส่วนหนึ่งที่เวลาเราพูดถึงเกจิก็คนส่วนมากจะนึกไปถึงผู้วิเศษอย่างหนึ่งหรือพระที่มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ มีเครื่องรางของขลัง พระที่เป็นที่ชื่นชอบของคน ก็มีความรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ๆ ในลักษณะอย่างนั้น เลยไม่ชอบเป็นการส่วนตัวในลักษณะแบบนี้ แต่ว่า ยังดีตรงที่ยังชอบในคำสอนของพระสัมมาพุทธเจ้า ความจริงถ้าเวลาเราพูดถึงแง่มุมตรงนี้ คือ ประเด็นมันค่อนข้างจะกว้าง เท่าที่ฟังหลวงพี่ไม่ค่อยติดใจเรื่องการไปว่าพระที่ไปเจอมาแล้ว แบบนี้นะจะบาปหรือเปล่า เพราะว่า ความจริงแล้วมันน่าจะไปคุยถึงเรื่องของที่มาที่ไปของความคิดในลักษณะแบบนี้มากกว่าคือ ไปพูดถึงความเห็น หรือภาษาพระที่ใช้คำว่าทิฐิ ก็คือความเห็นของของเราที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างนี้ ในทางพุทธศาสนา มันไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกที่เราไม่เคารพพระ ไม่อยากจะไหว้พระ เพราะว่าคนในโลกนี้ 7,000 กว่าล้าน ในบรรดา 7,000 กว่าล้าน มีชาวพุทธแค่สัก 500 ล้านนิด ๆ จริง ๆ คนพุทธนี้เป็นศาสนาที่อยู่ในลำดับที่ 5 ด้วยซ้ำไปนะในปัจจุบัน มีคนที่นับถือมากกว่าพุทธศาสนา ก็จะมีศาสนาหลัก ๆ หรือประเทศที่มีประชากรมาก ๆ อย่างเช่น อินเดีย หรือ จีน

มีอยู่อย่างหนึ่งที่น่าแปลกมากก็คือ คนที่ไม่มีศาสนา ถ้าโดยการสำรวจไปอยู่ในลำดับที่ 3 ลำดับที่ 3 หมายความว่า คนที่ไม่มีศาสนาอะไรเลยไม่ได้สนใจเลย ยังมีมากกว่าชาวพุทธ เพราะในบรรดาคน 7,000 กว่าล้านทั่วโลก มีคนไหว้พระอยู่นิดเดียว เท่ากับการไม่ได้รู้สึกเลื่อมใสเคารพก็ไม่ได้เป็นเรื่องประหลาดอะไร หลวงพี่คิดว่า การที่เราจะไปยกย่องเชิดชูใคร ซึ่งถ้าเป็นธรรมเนียมของคนไทยคือ การกราบ การไหว้ การแสดงความเคารพ โดยวิธีใดวิธีหนึ่ง ก็ทำด้วยความรู้สึกที่ดีต่อสิ่งนั้น เช่น การกราบพระพุทธรูป กราบพระสงฆ์ที่ท่านมีคุณงามความดี ก็อาจจะเลือกอย่างที่ชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง อันนี้หลวงพี่ก็ไม่ติดใจตรงนี้นะ ในประเด็นของของความชอบของส่วนตัว แต่ว่าสิ่งที่อยากจะให้ไปดู คือไปดูเรื่องของความเข้าใจ ว่าการที่ไม่มีความเลื่อมใสในพระภิกษุสงฆ์ในลักษณะแบบนั้น หลวงพี่ว่าเป็นสองฝ่ายที่จะต้องทำหน้าที่ของตัวเอง เพราะว่าอย่างของพระ ก็ไม่ได้คาดหวังไว้โยมจะต้องมากราบมาไหว้ เช่นกัน โยมเองก็คงไม่ได้ถึงขนาดกับคาดหวังว่าพระฉันจะต้องดี ดีเด่น ต้องเลิศเลอ ในระดับหมดกิเลส หมายความว่า ถ้าทั้งสองฝั่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นยังไง หลวงพี่เดินไป หลวงพี่ไม่ได้คาดหวังว่าญาติโยมทุกคนที่เดินสวนกับหลวงพี่ไปจะต้องยกมือไหว้ หลวงพี่ไม่ติดใจเช่นเดียวกัน โยมเองเห็นหลวงพี่เดินผ่านไป คงไม่ได้รู้ว่าพระองค์นี้เป็นยังไง รู้แต่ว่านี่คือพระในพุทธศาสนา แต่ว่าน่าเคารพหรือไม่น่าเคารพอันนี้ไม่รู้ เพราะไม่รู้ก็จึงไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องทักทายอะไร ไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องยกมือไหว้ ความรู้สึกตรงนี้ที่มีระหว่างกัน ระหว่างฝั่งพระกับฝั่งโยม ต้องมานั่งดูหน้าที่ว่า พระควรมีหน้าที่อะไร หลวงพี่จะมีความรู้สึกว่า พระมีหน้าที่มีบทบาทในการที่จะเอาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปเผยแผ่ เพราะการที่จะเอาธรรมะไปเผยแผ่ได้ จะต้องทำตัวเป็นแบบอย่างก่อน เพื่อที่จะทำให้เขาเห็น และรู้สึกว่าคนแบบนี้ คือคนที่ใช่กับการที่จะนำคำสอนของพระพุทธเจ้าที่มีค่ามาก ๆ ขยายออกไป ส่วนพระต้องมีบทบาทในการฝึกตัวเองให้อยู่ในกรอบ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านกำหนดไว้ คุณงามความดี จะต้องดีพอในระดับที่ญาติโยมสาธุชนเห็น เขาจะรู้สึกว่า นี้สิถึงจะเป็นพระที่น่าเลื่อมใสศรัทธา

ภาพบวชพระในโบสถ์ ที่มาของภาพ เพจภาพดีๆ 072


หลวงพี่ยกตัวอย่างง่าย ๆ อย่างของที่วัด หลวงพ่อท่านจะบอกอยู่เรื่อย ๆว่า ให้นึก ว่า เวลาที่เราบวชเข้ามาแล้ว เราเดินออกมาจากโบสถ์ เมื่อกี้เรายังเป็นคนธรรมดาอยู่เลย ช่วงเวลาเข้าไปในโบสถ์ ใช้เวลาทำพิธีบวชแค่ 20 นาที พ่อแม่ที่เราเคยกราบไหว้ แต่เราออกจากโบสถ์มาท่านต้องกราบเรา หลวงพ่อสอนว่า ให้เราคิดถึงตรงนี้ ว่า เราดีพอที่พ่อแม่จะกราบไหว้ได้หรือเปล่า และจงถามตัวเองว่า เรากราบตัวเราเองลงไหม ซึ่งที่ท่านพูดอย่างนี้ท่านหมายความว่า เราเองเรามีหน้าที่นะ เมื่อเราบวชมา ก็คงจะต้องฝึกฝนตัวเองให้ดี อันนี้เป็นเรื่องของพระ





ขอบคุณข้อมูลแหล่งที่มา

ภาพการ์ตูน ด่าพระบาปไหม
ภาพอุปสมบทหมู่จากเพจภาพดีๆ 072
คลิปตอบสดกระทู้พันธ์ทิพย์จากเว็บยูทูป


โปรดติดตาม เรื่องเล่าเข้าใจธรรม ตอน ด่าพระบาปไหม ตอนต่อไป --------->>>



10 ความคิดเห็น:

  1. ด่าใครก็บาปทั้งนั้น ไม่ว่าคนที่ถูกด่าจะทำผิดหรือไม่ก็ตาม ยิ่งด่าพระยิ่งไม่ต้องบรรยาย อย่างน้อยท่านมีศีลมากกว่า กรรมก็ทวีคูณไปด้วย

    ตอบลบ
  2. ด่าใครก็มีจวีกรรมติดตัวไป ยิ่งกล่าวว่าคนมีศีลธรรมมากเท่าไหร่ บาปกรรมก็จะตามติดไปมากมายและนานแสน

    ตอบลบ
  3. กราบอนุโมทนาบุญพระอาจารย์เจ้าค่ะ

    ตอบลบ
  4. ด่าใครก็ผิดทั้งนั้น ยิ่งด่าพระยิ่งกรรมแรง

    ตอบลบ
  5. ด่าใครก็บาปทั้งนั้นยิ่งคนมีศิลมากก็บาปมากเพราะคำด่าเป็นการสร้างกรรมมีผลกรรมแน่นอน

    ตอบลบ
  6. ระหว่างคนด่า กับคนถูกด่า คนถูกด่าไม่แน่ว่าจะเลวจะชั่วจะบาปหรือไม่ เพราะอาจจะผิดหรือไม่ผิดตามที่ถูกด่าก็ได้ แต่ที่แน่ๆ คนที่ด่าคนอื่นเขานั้น ได้แบกบาปฟรีๆ ไปแล้วเพราะทำให้จิตของตนมีมลทิน ถอยห่างออกจากเส้นทางสู่มรรคผลนิพพานไปอย่างน่าเสียดายโดยไม่รู้ตัว

    หลวงพ่อที่วัดของหลวงพี่บอกว่า สรรพชีวิตล้วนมีพระนิพพานเป็นเป้าหมาย แม้แต่พระเทวทัตที่ทำอนันตริยกรรม ยังได้รับพยากรณ์ว่า ภพชาติสุดท้ายของท่าน จะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ซึ่งน่าจะเป็นไปได้ว่า พวกเราจะได้เข้าสู่พระนิพพานก่อนท่านด้วยซ้ำไป เพราะเรายังอยู่ในเส้นทางการสร้างบารมี ในพระพุทธศาสนา ขณะที่อเวจีเป็นที่อยู่ของท่านในขณะนี้

    เพราะฉะนั้น ใครจะละทิ้งเป้าหมายทำชั่วทำบาปให้ห่างไกลพระนิพพานก็เป็นกรรมของเขา จะไปด่าเขาให้ใจเรามีมลทินไปทำไม

    สำหรับหลวงพี่ มองว่า แก่นของต้นไม้ยังต้องอาศัยกระพี้เปลือกนอกไว้ประคับประคอง ถ้าแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา ไม่มีกระพี้ปะปนอยู่บ้าง พระพุทธศาสนาอาจไม่ยืนยงคงอยู่มาถึงพวกเราแล้วก็ได้ เพราะ "แก่น" เกิดได้ยาก คนที่อยากได้แก่นก็ได้แต่อยาก แต่ไม่ยอมบวชมาเป็น "แก่น" ของพระศาสนาด้วยตัวเอง

    ตอบลบ
  7. ด่าชาวบ้างยังบาปแถมผิดกฎหมายด้วยนะ
    แล้วพระคิดเอาเองเถอะ

    ตอบลบ
  8. กฏแห่งกรรม ไม่เคยลืมผู้กระทำ
    ปลูกถั่วได้ถั่ว ปลูกงาได้งา

    ตอบลบ